แปลสวดแจง พระวินัย
===========
แปลโดยอรรถ
ยันเตนะ ภะคะวะตา,ชานะตา ปัสสะตา
อะระหะตา, สัมมาสัมพุทเธนะ, ปฐะมัง ปาราชิกัง, กัตถะ ปัญญัตตันติ
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงรู้
ทรงเห็น เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติ ปฐมปาราชิก ณ
ที่ใด.
เวสาลิยัง ปัญญัตตันติ
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองเวสาลี.
กัง อารัพภะติ
ถามว่า ทรงปรารภใคร .
สุทินนัง กะลันทะปุตตัง
อารัพภาติ
ตอบว่า ทรงปรารภ พระสุทินน์ กลันทบุตร.
กิสมิง วัตถุสมินติ
ถามว่า เพราะเรื่องอะไร.
สุทินโน กะลันทะปุตฺโต,ปุราณะทุติยิกายะ,
เมถุนัง ธัมมัง ปะฏิเสวิ, ตัสมิง วัตถุสมินติ
ตอบว่า
เพราะเรื่องที่พระสุทินน์กลันทบุตร ได้เสพเมถุนธรรม(ร่วมเพศ) กับภรรยาเก่า.
เตนะ สะมะเยนะ พุทโธ ภะคะวา
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาค
พระพุทธเจ้า
เวรัญชายัง วิหะระติ,
นะเฬรุปุจิมัณฑะมูเล
ประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดา
ที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา.
ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง,
ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ 500
รูป.
อัสโสสิ โข เวรัญโช พราหมะโณ
เวรัญชพราหมณ์ได้สดับแล้วแลว่า
สะมะโณ ขะลุ โภ, โคตะโม
สักยะปุตโต
ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า พระสมณโคดม
ศากยบุตร
สักยกุลา ปัพพะชิโต
ทรงผนวชจากศากยตระกูล
เวรัญชสยัง วิหะระติ, นะเฬรุปุจิมัณฑะมูเล
ประทับอยู่ ณ
ควงไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา
มะหะตา ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง,
ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ
พร้อมด้วย ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประมาณ 500 รูป
ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง
โคตะมัง, เอวัง กัลยาโณ กิตติสัทโท อัพภุคคะโต
ก็แล พระกิตติศัพท์อันงาม
ของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า
อิติปิ โส ภะคะวา
เพราะเหตุอย่างนี้ๆ
พระผู้มีพระภคเจ้านั้น
อะระหัง
เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทโธ
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
สุคะโต
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
โลกวิทู
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
สัตถา เทวะมะนุสสานัง
เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พุทโธ
เป็นผู้รู้
ภะคะวาติ
เป็นผู้มีความเจริญ ดังนี้.
โส อิมัง โลกัง, สะเทวะกัง,
สะมาระกัง สะพรัหมะกัง,สัสสะมะณะพราหมะณิง ปะชัง, สะเทวะมะนุสสัง, สะยัง อะภิญญา
สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้ง ด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ทรงสอนโลกนี้ พร้อมทั้งเทวดา
มาร พรหม และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม
โส ธัมมัง เทเสสิ
พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ทรงแสดงธรรมแล้ว
อาทิกัลยาณัง
ไพเราะในเบื้องต้น
มัชเฌกัลยาณัง
ไพเราะในท่ามกลาง
ปะริโยสานกัลยาณัง
ไพเราะในที่สุด
สาตถัง สะพยัญชะนัง,
เกวละปะริปุณณัง, ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง ปะกาเสสิ
ทรงประกาศ พรหมจรรย์ คือ
แบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ บริศุทธิ์ บริบูรณ์ สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถ(โดยเนื้อความ)
พร้อมทั้งพยัญชนะ(โดยตัวอักษร).
สาธุ โข
ปะนะ,ตะถารูปานัง,อะระหะตัง ทัสสะนัง โหตีติ.
อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลาย
เฆ็นปานนั้น เป็นความดีแล ดังนี้.
==============================
แปลโดยยกศัพท์
ยันเตนะ ภะคะวะตา,ชานะตา ปัสสะตา อะระหะตา, สัมมาสัมพุทเธนะ, ปะฐะมัง ปาราชิกัง, กัตถะ ปัญญัตตันติ
ปุจฉา
อันว่าอันถาม อิติ ว่าดังนี้ ปาราชิกัง อันว่าสิกขาบทปาราชิก ปะฐะมังที่ 1 ยัง ใด
ภะคะวะตา อันพระผู้มีพระภาค ชานะตา ผู้ทรงรู้ ปัสสะตา ผู้ทรงเห็น อะระหะตา
ผู้เป็นพระอรหันต์ สัมมาสัมพุทธเธนะ ผู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า เตนะ พระองค์นั้น
ปัญญัตตัง ทรงบัญญัติแล้ว กัตถะ ฐาเน ณ
ที่ไหน.
เวสาลิยัง ปัญญัตตันติ
วิสัชชะนัง
อันว่าอันแก้ อิติ ว่าดังนี้ ปฐมัง ปาราชิกัง อันว่าปาราชิก สิกขาบทที่ 1 ภควะตา
อันพระผ๔มีพระภาคเจ้า ปัญญัตตัง ทรงบัญญัติแล้ว เวสาลิยัง ณ เมืองเวสาลี.
กัง อารัพภะติ
ปุจฉา
อันว่าอันถาม อิติ ว่าดังนี้ ปะฐะมัง ปาราชิกัง อันว่า
ปาราชิก สิกขาบทที่ 1 ภะคะวะตา อันพระผู้มีพระภาคเจ้า อารัพภะ ปรารภ กัง ซึ่งใคร ปัญญัตตัง
ทรงบัญญัติแล้ว.
สุทินนัง กะลันทะปุตตัง อารัพภาติ
วิสัขขะนัง
อันว่าอันแก้ อิติ ว่าดังนี้ ปะฐะมัง ปาราชิกัง อันว่า
ปาราชิก สิกขาบทที่ 1 ภะคะวะตา อันพระผู้มีพระภาคเจ้า อารัพภะ ปรารภ สุทินนัง ซึ่งพระสุทิน กะทันทะปุตตัง ผู้กลันทบุตร ปัญญัตตัง ทรงบัญญัติแล้ว.
กิสมิง วัตถุสมินติ
ถามว่า
เพราะเรื่องอะไร.
ปุจฉา
อันว่าอันถาม อิติ ว่าดังนี้ ปะฐะมัง ปาราชิกัง อันว่า
ปาราชิก สิกขาบทที่ 1 ภะคะวะตา อันพระผู้มีพระภาคเจ้า อารัพภะ ปรารภ สุทินนัง ซึ่งพระสุทิน กะทันทะปุตตัง ผู้กลันทบุตร ปัญญัตตัง ทรงบัญญัติแล้ว กิสมิง วัตถุสมิง
ในเพราะเรื่องอะไร.
สุทินโน กะลันทะปุตฺโต,ปุราณะทุติยิกายะ, เมถุนัง ธัมมัง ปะฏิเสวิ, ตัสมิง วัตถุสมินติ
วิสัชชะนัง
อันว่าอันแก้ อิติ ว่าดังนี้ ปะฐะมัง ปาราชิกัง อันว่าปาราชิก สิกขาบทที่ 1
ภะคะวะตา อันพระผู้มีพระภาคเจ้า อารัพภะ ปรารภ สุทินนัง ซึ่งพระสุทิน กะทันทะปุตตัง ผู้กลันทบุตร ปัญญัตตัง ทรงบัญญัติแล้ว สุทินฺโน อันว่าพระสุทิน กะลันทปุตโต
ผู้กลันทบุตร ปะฏิเสวิ เพสมแล้ว เมถุนํ ธัมมัง ซึ่งธรรมะ อันเป็นของคนคู่
ปุราณะทิติยิกายะ กับด้วยภรรยาเก่า ยัง ใด
สัสมิง วัตถุสมิง ในเพราะเรื่องนั้น.
เตนะ สะมะเยนะ พุทโธ ภะคะวา
เตนะ
สะมะเยนะ โดยสมัยนั้น ภะคะวา อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า พุทโธ ผู้เป็นพระพุทธเจ้า
เวรัญชายัง วิหะระติ, นะเฬรุปุจิมัณฑะมูเล
วิหะระติ
ประทับอยู่ นะเฬรุปุจิมัณฑะมูเล ณ ควงไม้สะเดา อันนเฬรุยักษ์สิงสถิต เวรัญชายัง ในเขตเมืองเวรัญชา.
ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง, ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ
สัทธิง
กับ ภิกขุสังเฆนะ ด้วยหม่แห่งภิกษุ ภิกขุสะเตหิ (อันประกอบด้วย) ร้อยแห่งภิกษุ
ปัญจะมัตเตหิ อันมีประมาณ 5 (500 รูป)
อัสโสสิ โข เวรัญโช พราหมะโณ
พราหมะโณ
อันว่าพราหมณ์ เวรัญโช ชื่อว่าเวรัญชะ อัสโสสิ โข ได้ฟังแล้วแล อิติ ว่าดังนี้
สะมะโณ ขะลุ โภ, โคตะโม สักยะปุตโต
โภ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขะลุ ได้ยืนว่า สะมะโณ อันว่าพระสมณะ โคตโม ผู้พระโคดม
สักยะปุตโต ผู้เป็นบุตรแห่งชาวศากยะ
สักยกุลา ปัพพะชิโต
ปัพพะชิโต
ทีงผนวช(บวช)แล้ว สักยกุลา จากตระกูลแห่งศากยะ
เวรัญชายัง วิหะระติ, นะเฬรุปุจิมัณฑะมูเล
วิหะระติ
ประทับอยู่ นะเฬรุปุจิมัณฑะมูเล ณ ควงแห่งไม่สะเดาอันมีนะเรฬุยักษ์สิงสถิตอยู่
เวรัญชายัง ในเขตเมืองเวรัญชา
มะหะตา ภิกขุสังเฆนะ สัทธิง, ปัญจะมัตเตหิ ภิกขุสะเตหิ
สัทธิง
กับ ภิกขุสังเฆนะ ด้วยหมู่แห่งภิกษุ มหันเตนะ อันใหญ่ ภิกฺขุสะเตหิ
(อันประกอบด้วย) ร้อยแห่งภิกุษุทั้งหลาย ปัญจะมัตตานิ อันมีประมาณ 5
ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง โคตะมัง, เอวัง กัลยาโณ กิตติสัทโท
อัพภุคคะโต
ปะนะ
ก็ กิตติสัทโท อันว่ากิตติศัพท์ กัลยาโณ อันงดงาม ภะคะวันตัง
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า โคตะมัง ผู้พระโคตมะ ตัง โข นั้นแล อัพภุคคะโต
ฟุ้งขจรไปแล้ว อิติ ว่า ดังนี้
อิติปิ โส ภะคะวา
อิติปิ
แม้เพราะเหตุนั้น ภะคะวา อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า โส นั้น
อะระหัง
เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทโธ
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
สุคะโต
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
โลกวิทู
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
สัตถา เทวะมะนุสสานัง
เทวะมะนุสสานัง
สัตถา เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พุทโธ
เป็นผู้รู้
ภะคะวาติ
(ภะคะวา
อิติ) เป็นผู้มีความเจริญ ดังนี้.
โส อิมัง โลกัง, สะเทวะกัง, สะมาระกัง สะพรัหมะกัง,สัสสะมะณะพราหมะณิง ปะชัง, สะเทวะมะนุสสัง, สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวา
ปะเวเทสิ
โส
ภะคะวา อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น สัจฉิกัตวา ทรงกระทำให้แจ้งแล้ว อะภิญญาย
ด้วยความรู้ยิ่ง สะยัง ด้วยพระองค์เอง ปเวเทติ ทรงสอนอยู่ โลกัง ซึ่งโลก อิมัง นี้
สะเทวะกัง กับด้วยเทวดา สะพรัหมะกัง กับด้วยพรหม ปะชัง ซึ่งหมูสัตว์ สัสสะมะณะพราหมะณิง
กับด้วยสมณะและพราหมณ์
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้ง ด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ทรงสอนโลกนี้
พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและ
มนุษย์ให้รู้ตาม
โส ธัมมัง เทเสสิ
โส
ภะคะวา อันว่าพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เทเสสิ ทรงแสดงแล้ว ธัมมัง ซึ่งธรรม
อาทิกัลยาณัง
อันไพเราะในเบื้องต้น
มัชเฌกัลยาณัง
อันไพเราะในท่ามกลาง
ปะริโยสานกัลยาณัง
อันไพเราะในที่สุด
สาตถัง สะพยัญชะนัง, เกวละปะริปุณณัง, ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง ปะกาเสสิ
ปะกาเสสิ
ทรงประกาศแล้ว พรัหมะจะริยัง ซึ่งพรหมจรรย์ (แนวทางปฏิบัติอันประเสริฐ) ปะริสุทธัง อันบริสุทธิ์ เกวะละปุณณัง อันบริบูรณ์อย่างสิ้นเชิง
สาตถัง พร้อมทั้งอรรถ(โดยเนื้อความ) สะพยัญชะนัง พร้อมทั้งพยัญชนะ(โดยตัวอักษร).
สาธุ โข ปะนะ,ตะถารูปานัง,อะระหะตัง ทัสสะนัง โหตีติ.
ปะนะ
ก็ ทัสสะนัง อันว่าการเห็น อะระหะตัง ซึ่งพระอรหันต์ทั้งหลาย ตะถารูปานัง
ผู้มีรูปอย่างนั้น สาธุ โข เป็นความดี แล โหติ ย่อมเป็น.